ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยแปดขวบถูกฉุดกระชากอย่างแรงจนแขนเสื้อขาด
แขนขาที่ถูกเกาะกุมด้วยชายร่างใหญ่หลายคนที่ล้อมตัวนางอยู่
ร่างของนางถูกยกขึ้นเหนือพื้นแขนสองข้าง
ขาสองข้างถูกมือสกปรกจับยกขึ้น
แม้น้ำตาไหลอาบแก้มแต่นางยังมองเห็นเปลวเพลิง
ผู้คนที่ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บนพื้นนองไปด้วยเลือดสีแดงสด ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีแดงของเปลวเพลิง
แสงวาบหนึ่งผ่านมา ศีรษะของชายคนนั้นหลุดออกจากร่างอย่างรวดเร็ว เลือดสีสดพุ่งออกมา
เลือดของคนชั่วกระเด็นใส่ใบหน้าของเด็กน้อย เพียงแวบเดียวนางรู้สึกได้ว่าแขนขาเป็นอิสระ เด็กหญิงลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นคือร่างไร้ศีรษะของคนเหล่านั้น และบุรุษผู้อยู่หลังอาชาสีดำทมิฬ
ดวงตาคู่นั้นมีสีแดงราวกับโลหิต แววตาเยือกเย็น ไม่แสดงถึงอารมณ์ความรู้สึกใด
อาภรณ์สีดำกลืนกินไปกับรัตติกาล มีเพียงกระบี่ในมือที่สีเงินที่หยาดโลหิตไหลย้อยลงพื้นดิน
“ท่านจอมมาร”
.....
นับจากเหตุการณ์ในคืนนั้น ‘ซินหราน’ กลายเป็นสาวใช้ข้างกาย ‘จอมมารเหิงหยางเซิง’
นางเพียงหวังใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างสงบในสถานที่ที่อันตรายที่สุด จากเด็กหญิงวัยแปดขวบสู่หญิงสาววัยสิบหก นางไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองได้ยืนอยู่กลางใจบุรุษที่ได้ขึ้นชื่อว่าเหี้ยมโหดที่สุดในยุทธภพ
.....
“อย่าขยับตัวส่งเดช”
คำสั่งเฉียบขาดดุจเดียวกับสั่งกองทัพมารของตน ทำให้นางหวาดกลัวจนแทบไม่กล้าหายใจ ปล่อยให้มือใหญ่ขยับสาบเสื้อของนางออก เผยผิวกายขาวเนียนที่มีเอี้ยมสีชมพูหวานบังดอกบัวคู่งามที่สะท้อนขึ้นลงเพราะหัวใจที่เต้นรัว
เมื่ออยู่ภายใต้แสงสว่างกลางวันเช่นนี้ รอยช้ำจ้ำเลือดจึงเห็นเด่นชัด กับสตรีคนก่อน เขาไม่รู้และไม่สนใจว่าตนทิ้งร่องรอยใดไว้บาง
แม้แลดูน่าสงสารแต่เขาหมายมั่นว่านี่คือรอยตีตราประทับที่นางจะไม่มีวันเป็นของชายใดได้อีก
มิอาจมีใครแตะต้องนางได้อีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น